นครนิวยอร์คเป็นนครใหญ่อีกนครหนึ่งในหมู่นครใหญ่ๆ ในอเมริกาที่เร่งเร้าชาวอเมริกันให้เลิกซื้อน้ำขวด เมื่อเร็วๆ นี้ทางนครนิวยอร์คเริ่มลงมือโฆษณาเชิญชวนให้ชาวนครเลิกดื่มน้ำขวดและหันมาดื่มน้ำก็อกแทน นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่น้ำในขวด แต่อยู่ที่พลาสติกซึ่งใช้ทำขวดบรรจุน้ำต่างหาก
ชาวอเมริกันติดนิสัยชอบดื่มน้ำขวด แต่นครในสหรัฐซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เรี่อยๆ เรียกร้องให้ชาวนครทิ้งนิสัยนั้นเสีย
นักประพันธ์ชาร์ล ฟิชแมน บ่นว่าคนดื่มน้ำขวดกันมากเสียจนกระทั่งเริ่มจะก่อผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าน้ำขวดกระทบกระเทือนสิ่งแวดล้อมจริงๆ เมื่อปีที่แล้วชาวอเมริกันดื่มน้ำขวดมากกว่า 30,000 ล้านขวด แล้วขวดร้อยละ 80 โดนนำไปทิ้งตามบริเวณซึ่งเป็นที่ทิ้งขยะ ถ้าเอาขวดเหล่านั้นมาเรียงต่อกันเข้าเราจะมีพลาสติกที่ไม่ผุพังเน่าเปื่อยพอที่จะพันรอบโลกได้กว่า 150 ครั้งทีเดียว
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเทศบาลนครซอลท์ซิตี้ ซึ่งห้ามน้ำขวดในงานเทศกาลกลางแจ้งเมื่อเร็วๆ นี้ นายกเทศมนตรีรอกกี้ แอนเดอร์สัน ให้ทางเมืองเสิร์ฟน้ำเย็นเฉียบในถ้วยที่ทำด้วยวัสดุที่นำมารีไซเคิล
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเรื่องที่เชื่อกันอย่างแพร่หลายว่า น้ำขวดดีกว่าน้ำก็อกนั้นไม่เป็นความจริง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่คนควรเลิกดื่มน้ำขวดคือ การลำเลียงน้ำขวดไปส่งนั้นกินเชื้อเพลิงเยอะ
คุณอัลเลน เฮิชโกริต แห่งสภาคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติกล่าวว่า กระบวนการนั้นเป็นกระบวนการที่สิ้นเปลืองทรัพยากรไปเปล่า และทำให้เกิดก๊าซแบบในเรือนกระจก เขากล่าวอีกว่าเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ เมื่อมองดูฉลากป้ายที่ปิดไว้ที่ขวดนั้นจะเห็นภูเขามีหิมะปกคลุม และธารน้ำแข็ง แต่ความจริงแล้วการผลิตน้ำขวดมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น
แต่ทว่านายโจเซฟ คอส นายกสมาคมน้ำขวดระหว่างประเทศร้องอุทรณ์ว่า การเจาะจงเล่นงานอุตสาหกรรมน้ำขวดแบบนั้นไม่ยุติธรรม เขาอ้างให้ฟังถึงความคิดริเริ่มของอุตสาหกรรมน้ำขวดที่นำพลาสติกทำด้วยข้าวโพด ซึ่งไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อระบบนิเวศน์มาใช้ อีกทั้งหลายบริษัทยังบริจาครายได้จากการขายส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือโครงการเกี่ยวกับน้ำในประเทศกำลังพัฒนาด้วย
นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ถ้าคนเราต้องการให้โลกบริสุทธิ์สดใสและสะอาดอย่างที่ฉลากป้ายที่ขวดน้ำเหล่านั้นแสดงไว้ ควรดื่มน้ำขวดให้น้อยลง
