ไม่ว่าสิ่งที่บินตกลงใกล้เมืองรอสท์เวลเมื่อ 60 ปีที่แล้วจะเป็นจานบินจากนอกโลก หรือจะเป็นบอลลูนตรวจอากาศก็ตาม แต่ผลที่ตามมาคือความสนใจในเมืองรอสท์เวลจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าไป
และศูนย์วิจัย และพิพิธภัณฑ์ UFO ก็เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวสตรีชาวอินเดียผู้หนึ่งเดินทางไปเยือนพิพิธภัณฑ์ UFO พร้อมครอบครัว เพื่อเก็บข้อมูลเรื่องเอเลี่ยน หรือ มนุษย์ต่างดาว และคุณแซนดี้ เจมส์ รองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ UFO ยอมรับว่า ก่อนที่พิพิธภัณฑ์นี้จะเปิด นักท่องเที่ยวไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากที่ไหน แต่ตอนนี้ผู้คนจากทั่วโลก หลั่งไหลไปที่เมืองรอสท์เวลนี้เพื่อชมนิทรรศการเกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งไม่มีคำอธิบายเมื่อปี 2490 รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับ UFO อื่นๆ แถมยังซื้อข้าวของที่ระลึกติดมือกลับบ้านด้วย ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า เรื่องราวคำร่ำลือเกี่ยวกับ UFO นั้นเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างแน่นอน เพราะว่าคุณกาย มาโลน ผู้จัดการประชุม และงานฉลองโอกาส 60 ปี ของรายงานจานบินตกที่ใกล้เมืองรอสท์เวลยอมรับว่า ตอนนี้การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เป็นแหล่งจ้างงานในเมืองรอสท์เวล 11-12 เปอร์เซนต์
และในช่วงจัดงานฉลองวันที่ 5-8 กค. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปที่เมืองรอสท์เวล 50,000 คน เป็นผลให้จำนวนผู้คนในเมืองเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว แต่ไม่ทุกคนที่เชื่อหรือเห็นด้วยกับเรื่องราวของ UFO ดังกล่าว เพราะจำนวนชาวเมืองรอสท์เวลที่เชื่อกับไม่เชื่อเรื่องนี้มีอยู่พอๆ กันคือ 50/50 เปอร์เซนต์
ชาวเมืองคนหนึ่งกล่าวโทษรัฐบาลสหรัฐว่าปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่าง เขาเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงจากแฟ้ม UFO เหมือนอย่างที่รัฐบาลอังกฤษ กับฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะทำ อย่างไรก็ตาม การสัมมนาในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของเหตุการณ์ UFO คงไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่อะไร และพิพิธภัณฑ์ UFO ในเมืองนี้ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้ที่เชื่อ หรือไม่เชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วได้
คุณกาย มาโลน ผู้จัดการประชุมยอมรับว่า ความลี้ลับเกี่ยวกับเรื่องนี้จะคงอยู่ต่อไป เพราะไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้แบบขาวกับดำ นอกเสียจากว่าเอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาวจะทนรำคาญเรื่องนี้ไม่ได้ และขี่ UFO กลับมายืนยันด้วยตัวเองว่า เรื่องที่ลือกกันนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
