ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ประธานาธิบดีเอสโตเนีย ร่วมประชุมหารือเรื่องสถานการณ์ในอิรักที่ทำเนียบไวท์เฮ้าส์


ในวันนี้ซึ่งเป็นวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดทำเนียบไวท์เฮ้าส์ต้อนรับประธานาธิบดีเอสโตเนีย นาย Toomas Hendrick Ilves ผู้นำทั้งสองประเทศร่วมประชุมหารือเรื่องสถานการณ์ในอิรักและเรื่องภัยคุกคามต่อระบบรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน และผู้นำสหรัฐยังกล่าวประณามการระเบิดพลีชีพครั้งล่าสุดในอิรักด้วย

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชต้อนรับผู้นำเอสโตเนียและกล่าวชื่นชมเอสโตเนียที่ยึดมั่นตามแนวทางประชาธิปไตย ผู้นำสหรัฐบอกว่าหลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตมาเป็นเวลาหลายปี เวลานี้เอสโตเนียกำลังช่วยเหลือประเทศอื่นๆ รวมทั้งอัฟกานิสถานและอิรัก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย ประธานาธิบดีบุชยังกล่าวประณามการระเบิดพลีชีพครั้งล่าสุดในกรุงแบกแดดที่เกิดขึ้นก่อนการประชุมไม่กี่ชั่วโมง ระเบิดดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย รวมทั้งผู้นำนิกายซุนนีห์หลายคน

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชกล่าวว่าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ทุกคนได้เห็น ความโหดร้ายที่กลุ่มคนที่นิยมวิธีการรุนแรงสร้างความเสียหายต่อสังคม เมื่อมือระเบิดพลีชีพสังหารผู้บริสุทธิ์ที่กำลังพยายามสร้างความปรองดอง ผู้นำสหรัฐกล่าวกับผู้นำเอสโตเนียว่า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอเมริกาและเอสโตเนียต้องรักษาความมั่นคงแข็งแกร่งในการยืนหยัดเพื่อประเทศที่ระบอบประชาธิปไตยยังคงอ่อนแอ

หลังการประชุมที่ทำเนียบไวท์เฮ้าส์ ประธานาธิบดีบุชกล่าวกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความจำเป็นของการจัดให้มีระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ระบบคอมพิวเตอร์เอสโตเนีย ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์ของรัฐบาลและบริษัทต่างๆเพิ่งจะถูกเจาะทำลายข้อมูลอย่างต่อเนื่องหลายครั้งโดยผู้ชำนาญในการใช้คอมพิวเตอร์ไปในทางที่ผิดกฏหมายหรือแฮคเกอร์ รัฐบาลเอสโตเนียกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของแฮคเกอร์ชาวรัสเซีย และเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างสองประเทศเรื่องที่รัสเซียพยายามย้ายอนุสาวรีย์ยุคสหภาพโซเวียตที่อยู่ในกรุง Tallinn เมืองหลวงของเอสโตเนีย แต่รัสเซียปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ

ประธานาธิบดีเอสโตเนีย นาย Toomas Hendrick Ilves กล่าวว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งหากระบบคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดต้องถูกทำลายเหมือนที่เกิดขึ้นในเอสโตเนียที่ซึ่งธุรกรรมการเงินต่างๆราว 97% กระทำผ่านทางอินเตอร์เนต การทำลายระบบคอมพิวเตอร์ลักษณะนี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อเอสโตเนียซึ่งพึ่งพาการใช้อินเตอร์เนตอย่างสูง และอาจส่งผลร้ายต่อประเทศต่อไปในอนาคต ผู้นำเอสโตเนียบอกว่าทั้งสหรัฐ อิสราเอลและเดนมาร์กต่างเคยโดนทำลายระบบคอมพิวเตอร์มาแล้ว ดังนั้น จึงควรเพิ่มความใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากขึ้นในอนาคต

XS
SM
MD
LG