ขณะนี้แพทย์ในอเมริกากำลังเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูลใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ให้แก่ร้านขายยาต่างๆแทนการใช้วิธีเขียนลงในกระดาษแบบเมื่อก่อน ซึ่งก็สร้างความสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก เรียกว่าในยุคการสื่อสารอิเลคทรอนิคส์นี้ ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์คือวิธีหนึ่งที่ช่วยยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพอนามัย และยังช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการสั่งยาด้วยคำพูดและลายมือด้วย
นายแพทย์ Azar Korbey ยอมรับว่าลายมือของเขานั้นยิ่งกว่าไก่เขี่ยเสียอีก เขาบอกว่าในโรงเรียนแพทย์ เวลาเรียนต้องฟังบรรยายเนื้อหาต่างๆอย่างมากมายและรวดเร็ว จึงต้องจด จดและจดให้เร็วที่สุดเพื่อจะตามได้ทัน จนบางทีตัวหนังสือที่จดนั้นอ่านเกือบไม่ออก คุณหมอยืนยันว่าตัวเขาเองสามารถอ่านตัวหนังสือที่จดเองได้แน่นอน แต่หลายคนอ่านไม่ออก อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ปัจจุบันมีใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ที่สามารถช่วยให้คนไข้ หรือแม้แต่ตัวหมอเอง ต้องมานั่งทนอ่านลายมือที่ดูคล้ายอักขระโบราณนั้นอีกต่อไป และใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ยังช่วยให้ไม่เกิดความสับสนจนจัดยาผิด นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์ยังช่วยให้สามารถตรวจสอบข้อมูลของคนไข้ได้ด้วยว่าใช้ยาชนิดไหนอยู่และอาจมีปฏิกิริยากับยาชนิดไหน เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่คนไข้มากขึ้นด้วย
เพียงแค่เคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ไม่กี่ครั้ง แพทย์ก็สามารถจัดยาและส่งใบสั่งยานั้นให้แก่ร้านขายยาได้ทันที คุณหมอ Azar Korbey บอกว่าตั้งแต่ใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์มา เสียงโทรศัพท์พร้อมคำถาม คำอธิบายและคำขอเติมยาใหม่มากมายจากร้านขายยาก็ลดลง คุณหมอเล่าว่าคนไข้ต่างพากันแปลกใจที่พบว่า ในขณะที่กำลังนั่งรอหมอหลังจากวินิจฉัยโรคเสร็จ ใบสั่งยาของตนก็ไปรออยู่ที่ร้านขายยาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะสะดวกสบายและพึ่งพาได้เช่นนี้ แต่ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ก็ยังไม่ถูกนำมาใช้แพร่หลายในหมู่แพทย์มากนัก
Larry Kocat จนท.กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐบอกว่า มีแพทย์ประมาณ 5-18% เท่านั้นที่ใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ เหตุผลสำคัญก็คือต่างคนต่างความคิด บางคนยังไม่พร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะเคยชินกับนิสัยเดิมๆ จึงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลอเมริกัน กำหนดให้มีการใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์ทั่วไปภายในปี ค.ศ.2009 หนึ่งในโครงการรณรงค์ที่รัฐบาลนำมาใช้ในเรื่องนี้คือ โครงการนำร่องการใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์เพื่อความปลอดภัยของคนไข้นำโดยบริษัท Allscript ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างบริษัทด้านสุขภาพกับบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำต่างๆ เพื่อกระจายการใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์อย่างทั่วถึงทั่วอเมริกา โครงการความร่วมมือนี้จะเสนอโปรแกรมซอฟแวร์ซึ่งเชื่อมต่อกับร้านขายยากว่า 50,000 แห่งทั่วสหรัฐให้บรรดาคุณหมอโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ รวมทั้งบริการตรวจสอบใบสั่งยาเพื่อความถูกต้องแม่นยำและปลอดภัย
Glen Tullman โฆษกของบริษัท Allscript กล่าวว่า ซอฟแวร์ที่โครงการนำร่องมอบให้กับคุณหมอ จะช่วยป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากการอ่านลายมือไม่ออก และจะช่วยตรวจสอบประวัติการใช้ยาของคนไข้และประวัติการวินิจฉัยโรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนของชื่อยาต่างๆ คาดว่าโครงการความร่วมมือนี้จะทำให้แพทย์หันมาลองใช้ใบสั่งยาอิเลคทรอนิคส์มากขึ้น และจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการจ่ายยาผิดพลาดที่มีประมาณ 7,000 คนในแต่ละปีได้ด้วย เรียกได้ว่าคงจะมีหลายคนดีใจ ที่ต่อไปคงจะไม่เกิดความสับสนระหว่างยา Allegra กับ Viagra อีกแล้ว
